การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
7452
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2550/10/15
คำถามอย่างย่อ
เพราะเหตุใดชีอะฮฺจึงตั้งชื่อตนเองว่า อับดุลฮุซัยนฺ (บ่าวของฮุซัยนฺ) หรืออับดุลอะลี (บ่าวของอะลี) และอื่นๆ? ขณะที่อัลลอฮฺตรัสว่า : จงนมัสการและเป็นบ่าวเฉพาะข้าเท่านั้น
คำถาม
มนุษย์สามารถเป็นบ่าวได้เฉพาะแต่อัลลอฮฺเท่านั้น พระองค์ตรัสว่า : »จงนมัสการเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น« แล้วเป็นเพราะสาเหตุใด ชีอะฮฺจึงตั้งชื่อว่า อับดุลฮุซัยนฺ (บ่าวของฮุซัยนฺ) หรืออับดุลอะลี (บ่าวของอะลี) อับดุซซะฮฺรอ อับดุลอิมาม และ...? ทำไมบรรดาอิมามจึงตั้งชื่อบุตรว่า อับดุลอะลี อับดุซซะฮฺรอ? ถูกต้องแล้วหรือหลังจากท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ชะฮีดไปแล้ว และเราได้ตั้งชื่อบุตรหลานว่า อับดุลฮุซัยนฺ หมายถึงคนรับใช้ของฮุซัยนฺ ซึ่งคำว่า คอดิม หมายถึงคนจัดเตรียมนำน้ำและอาหาร และรับใช้ และสิ่งนี้เข้ากับสติปัญญาหรือที่ว่า บุคคลหนึ่งได้นำเอาน้ำและอาหารไปให้ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) แล้วน้ำทำวุฏูอฺได้ถูกเตรียมไว้สำหรับเขาในหลุมฝังศพ เพื่อจะได้กล่าวว่า เขาคือคนรับใช้ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.)?
คำตอบโดยสังเขป

1.คำว่า “อับดฺ” ในภาษาอาหรับมีหลายความหมายด้วยกัน : หนึ่ง หมายถึงบุคคลที่ให้การเคารพ นอบน้อม และเชื่อฟังปฏิบัติตาม, สอง บ่าวหรือคนรับใช้ หรือผู้ถูกเป็นเจ้าของ

2. สถานภาพอันสูงส่งของบรรดาอิมาม (อ.) ผู้บริสุทธิ์นั้นเองที่เป็นสาเหตุทำให้บรรดาผู้เจริญรอยตาม ต้องการเปิดเผยความรักและความผูกพันที่มีต่อบรรดาท่านเหล่านั้น จึงได้ตั้งชื่อบุตรหลานว่า “อับดุลฮุซัยนฺ หรืออับดุลอะลี” หรือเรียกตามภาษาฟาร์ซีย์ว่า ฆุล่ามฮุซัยนฺ ฆุล่ามอะลี และ ...อื่นๆ

3.คนรับใช้ นั้นแน่นอนว่ามิได้หมายถึงการช่วยเหลือทางโลก หรือเฉพาะการดำรงชีพในแต่ละวันเท่านั้น, ทว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าและมีค่ามากไปกว่านั้นคือ การฟื้นฟูแนวทาง แบบอย่าง และการเชื่อฟังผู้เป็นนายั่นเอง, เนื่องจากแม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว, แต่จิตวิญญาณของเขายังมีชีวิตและมองดูการกระทำของเราอยู่เสมอ

4.วัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์คำว่า “อับดฺ” ในการตั้งชื่อตามกล่าวมา (เช่นอับดุลฮุซัยนฺ) เพียงแค่ความหมายว่าต้องการเผยให้เห็นถึงความรัก และการเตรียมพร้อมในการรับใช้เท่านั้น ถ้าเป็นเพียงเท่านี้ถือว่าเหมาะสมและอนุญาต, เนื่องจากการตั้งชื่อว่า อับดุลฮุซัยนฺ ในความหมายว่า ภักดีคือเป็นบ่าวทาสรับใช้ ส่อไปในทางของการตั้งภาคีย่อมได้รับความโกรธกริ้วจากอัลลอฮฺ แน่นอน

5.ชื่อเหล่านี้มิได้มีกล่าวไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์แต่อย่างใด นอกจากนั้นคำแนะนำของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ ได้แนะนำให้ตั้งชือว่า อะลี ฮะซัน และฮุซัยนฺ มุฮัมมัด หรืออับดุรเราะฮฺมานมากกว่า

คำตอบเชิงรายละเอียด

คำว่า “อับดฺ” ในภาษาอาหรับมีหลายความหมายด้วยกัน : หนึ่ง หมายถึงบุคคลที่ให้การเคารพ นอบน้อม และเชื่อฟังปฏิบัติตาม, สอง บ่าวหรือคนรับใช้ หรือผู้ถูกเป็นเจ้าของ[1] (ในอีกที่หนึ่งคำว่า อาบิด หมายถึงผู้รับใช้) ตามหลักภาษาอาหรับแล้ว ความหมายทั้งสองนี้ ถือเป็นความหมายที่ดีและได้รับการยอมรับ เช่น อัลกุรอาน ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการใช้ภาษาอาหรับ ซึ่งได้ใช้ทั้งสองความหมาย

ก. ความหมายแรก: «یا ایها الناس اعبدوا ربکم الذی خلقکم...»[2]

หรือโองการกล่าวว่า [3]«قال انی عبدالله آتانی الکتاب...»

ทั้งสองโองการนี้จะสังเกตเห็นว่า อัลลอฮฺทรงถือว่าการแสดงความเคารพภักดี คู่ควรและเหมาะสมเฉพาะพระองค์เท่านั้น

ข. ความหมายที่สอง : « ضرب الله مثلاً عبداً مملوکاً لایقدر علی شیء...»[4]

โองการนี้กล่าวถึงความอ่อนแอของเทวรูปเมื่ออยู่ต่ออำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระผู้อภิบาล โดยเปรียบเทียบว่า บ่าวของข้าที่ไร้ความสามารถและอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษที่มีอิสระ ซึ่งมากด้วยทรัพย์สิน และเขาได้บริจาคแก่คนยากจน

ความสูงส่งและความมีเกียรติยิ่งของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) เป็นสาเหตุสำคัญทำให้บรรดามุสลิม (ชีอะฮฺ) มีความปิติและยกย่องในความสูงศักดิ์ของท่านเหล่านั้น พวกเขาจึงแสดงออกด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อบ่งบอกให้เห็นถึงความรัก และความผูกพันของพวกเขาที่มีต่อบรรดาอิมาม ดังนั้น การตั้งชื่อว่า อับดุลฮุซัยนฺ และ ...หรือตั้งตามภาษาฟาร์ซียฺว่า ฆุล่ามฮุซัยนฺ ฆุล่ามริฎอ และ... ก็เพื่อบ่งบอกให้เห็นถึงความรักและความผูกพันที่มีต่อครอบครัวของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ผู้สะอาดบริสุทธิ์ทั้งหลาย

แต่สำหรับคำตอบที่ว่า ภายหลังจากท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ชะฮีดแล้ว มีวัตถุประสงค์อะไรในการตั้งชื่อว่า อับดุลฮุซัยนฺ ขอตอบว่า : หนึ่งเนื่องจากการับใช้และการบริการหรือการยอมตนเป็นบ่าวของบรรดาอิมามมะอฺซูม มิได้เป็นความจำเป็นสำหรับโลกนี้, ทว่าการรำลึกถึงท่านเหล่านั้น การให้เกียรติ การยึดมั่นอยู่กับแนวทางหรือแบบอย่างของท่าน, กี่มากน้อยแล้วที่มีผู้รับใช้อิมามต่างกาลเวลา มีเกียรติและมีความประเสริฐยิ่งกว่าบ่าว ที่รับใช้ชีวิตทางโลกในยุคสมัยที่ท่านอิมามมีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำไป. สอง การเป็นชะฮีดของบรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) เฉพาะร่างกายเท่านั้นที่สูญสิ้นไป, แต่จิตวิญญาณอันสูงส่งของท่านยังมีชีวิตอยู่เสมอ ดังที่เราได้อ่านในบทซิยาเราะฮฺบรรดาอะอิมมะฮฺผู้บริสุทธิ์ว่า

«و اشهد انک تسمع کلامی و ترد سلامی» หมายถึงท่านได้ยินเสียงอ่านของเรา และตอบรับสลามของเรา[5] ดังนั้น ผู้เป็นนายของพวกเขายังมีชีวิตอยู่เสมอ แม้จะไม่มีกายแต่มิได้ตายจากไปไหน เพื่อว่าบ่าวเหล่านี้จะได้ถอดถอนมือออกจากพวกเขา, ทว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ท่านเหล่านั้นมองเห็นและล่วงรู้ถึงการกระทำของเราตลอดเวลา. สาม การรับใช้ของบุคคลหนึ่งที่มีต่อแขกผู้มาเยี่ยมเยือนสถานฝังศพของบรรดาอิมาม ไม่มีความแตกต่างกันไม่ว่าอิมามจะจากไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม ฉะนั้น บุคคลที่ได้รับใช้บรรดาผู้มาเยี่ยมเยือนสถานฝังศพบรรดาอิมามในทุกรูปแบบ ผู้รับใช้นั้นก็จะเป็นบ่าวหรือคนรับใช้ของท่านอิมามเสมอไป

สิ่งจำเป็นต้องกล่าวถึงคือ คำว่า อุบูดียะฮฺ หมายถึงการแสดงความเคารพภักดี, การแสดงความนอบน้อมถ่อมตน และการเชือ่ฟังปฏิบัติตาม ต่อผู้เป็นนายหรือผู้มีกรรมสิทธิ์เหนือเรา, นั่นคือ อัลลอฮฺพระผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดิน ดั่งที่กล่าวไว้ในโองการแรกว่า (โอ้ บรรดาปวงมนุษย์เอ๋ย) ด้วยเหตุนี้ จะพบว่าปรัชญาของการแสดงความเคารพภักดีคือ บุคคลนั้น ต้องมีความคู่ควร เหมาะสม เพราะอิบาดะฮฺนั้นเป็นอมัลเฉพาะเจาะจงสำหรับบุคคลผู้ซึ่ง หนึ่ง ได้สร้างเรามา, สอง อบรมสั่งสอนและให้การเลี้ยงดูเรา, ดังนั้น ถ้าหากวัตถุประสงค์ของบุคคลในการตั้งชื่อตามที่กล่าวมาในความหมายแรกของ อับดฺ (การแสดงความภักดี) ถือว่าออกนอกอิสลามและความศรัทธา และเป็นชิริก

ด้วยเหตุนี้เอง ในสังคมที่คาดว่าจะมีการใส่ร้ายหรือคิดไปในแง่ไม่ดี บรรดาอิมาม (อ.) จึงได้แนะนำชื่อที่ดีกว่าไว้เป็นจำนวนมาก เช่น รายงานจากท่านอิมามซอดิก (อ.) กล่าวว่า : »กล่าวกับผู้รายงานว่า เธอจงตั้งชื่อบุตรหลานของเธอเมื่อฟังแล้วบ่งบอกให้เห็นว่าเขาเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ เช่น อับดุรเราะฮฺมาน«[6] ทำนองเดียวกันรายงานกล่าวว่า ท่านได้แนะนำให้ตั้งชื่อบุตรว่า “มุฮัมมัด”[7] หรือเป็นที่ทราบกันดีท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้ตั้งชื่อบุตรชายทั้งสามคนของท่านว่า “อะลี”[8]

เมื่อได้ศึกษาประวัติศาสตร์ และหนังสือริญาลเข้าใจได้กว่า นามชื่อเช่น อับดุลอะอฺลา อับดุลมะญีด อัลดุสสลาม และ..ได้รับการแนะนำไว้อย่างมาก[9] ส่วนนามชื่อ เช่น อับดุลฮุซัยนฺ หรือนามที่คล้ายคลึงกันนี้ในสมัยก่อนมิได้รับความนิยมมากเท่าใดนัก, และมิเคยปรากฏในหนังสือริญาลแต่อย่างใด, แต่หลังจากทั้งหมดได้ทราบถึงเกียรติยศ และฐานันดรอันสูงศักดิ์ของบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) และเมื่อสังคมมีความเสรีในด้านการอภิปราย และบรรยายสาระของศาสนา ประชาชนจึงมีความประสงค์ที่เผยความรัก และความผูกพันของตนที่มีต่อบรรดาอิมามผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น จึงได้ตั้งชื่อบุตรหลานของตนตามชื่อของบรรดาอิมามเหล่านั้น

สรุป :

สิ่งที่สามารถสรุปได้ตรงนี้คือ นามชื่อเช่น อับดุลริฎอ อับดุลอะลี และ ..เป็นการเผยให้เห็นถึงความรักและความเตรียมพร้อมการรับใช้บรรดาอิมาม, เป็นการประกาศว่าทุกย่างก้าวจะเจริญรอยตามบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (อ.) แม้ว่าท่านเหล่านั้นจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม และถ้านามชื่อเหล่านั้นได้ถูกตั้งขึ้นในที่ๆ ซึ่งไม่เกรงว่าจะนำไปสู่ชิริกแล้ว ถือว่าไม่เป็นไร, แม้ว่าจะสามารถเลือกนามชื่อที่ดีกว่าซึ่งได้รับการแนะนำจากบรรดาอิมามไว้ก็ตาม แต่ถ้าไม่ต้องการตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ที่ชอบหาข้ออ้าง หรือข้อตำหนิแล้วละก็ดีกว่าให้หลีกเลี่ยงนามชื่อเหล่านี้

 

 


[1] ความหมายแรก «ان العامة اجتمعوا علی تفرقه مابین عبادالله والعبید المملوکین» มะกอยีซ อัลลุเฆาะฮฺ, เล่ม 4, หน้า 205.

[2]»โอ้ มนุษย์เอ๋ย จงเคารพภักดีพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า ผู้ทรงบังเกิดพวกเจ้า« บทบะเกาะเราะฮฺ, 21

[3]» กล่าวว่า แท้จริงฉันเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ« บทมัรยัม, 30.

[4]»อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์ถึงบ่าวผู้เป็นทาสคนหนึ่ง ซึ่งไม่มีอำนาจในสิ่งใด« บทอันนะฮฺลุ, 75.

[5] ซิยาเราะฮฺอิมามริฎอ (อ.) มะฟาตีฮุลญินาน.

[6] วะซาอิล อัชชีอะฮฺ, เล่ม 7, หน้า 125.

[7] อ้างแล้วเล่มเดิม

[8] อะลีอักบัร, อะลีเอาซัต, และอะลีอัซฆัร.

[9] มุอฺญิมษะกอต, เล่ม 9, หน้า 255-356, เล่ม 10 และ 11

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • มีฟัตวาเกี่ยวกับอาชีพที่สองไหม? หรือว่าการมีอาชีพที่สองเท่ากับเป็นคนหลงโลก?
    7356 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    ในทัศนะอิสลามไม่มีความหมายอันใดเกี่ยวกับอาชีพหรืออาชีพที่สอง, สิ่งที่ศาสนาอิสลามหรืออัลลอฮฺ (ซบ.) ได้ประณามเอาไว้คือ, ความลุ่มหลงและจิตผูกพันอยู่กับโลกทำให้ห่างไกลจากศีลธรรมและปรโลก
  • ปรัชญาของการทำกุรบานในพิธีฮัจญ์คืออะไร?
    11572 สิทธิและกฎหมาย 2555/04/28
    บทบัญญัติและข้อปฏิบัติทั้งหมดในศาสนาอิสลามนั้นตราขึ้นโดยคำนึงถึงความเหมาะสมและคุณประโยชน์สำหรับทุกสิ่งมีชีวิตอย่างทั่วถึง บทบัญญัติของอิสลามประการหนึ่งที่เป็นข้อบังคับสำหรับผู้ประกอบพิธีฮัจย์ก็คือการเชือดกุรบานในวันอีดกุรบาน ณ แผ่นดินมินา จุดเด่นของการทำกุรบานในพิธีฮัจญ์คือ “การที่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ได้คำนึงถึงการเชือดเฉือนอารมณ์ไฝ่ต่ำของตนเอง ,การแสวงความใกล้ชิดยังพระผู้เป็นเจ้า, การช่วยเหลือผู้ยากไร้ ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าในบางกรณีจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเนื้อกุรบานก็จริง แต่ก็ทำให้ได้รับประโยชน์ทางจิตใจดังที่กล่าวไปแล้ว เป็นที่น่ายินดีที่ในหลายปีมานี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายตามโรงเชือดสัตว์ที่นครมักกะฮ์ โดยเฉพาะการแช่แข็งเนื้อสัตว์ทำให้สามารถแจกจ่ายเนื้อเหล่านี้ให้แก่ผู้ยากไร้ ซึ่งช่วยไม่ให้เนื้อสัตว์เหล่านี้สูญเสียไปอย่างเปล่าประโชน์ ถึงแม้ว่าการจัดการทั้งหมดนี้จะไม่ส่งผลร้อยเปอร์เซนต์ แต่ก็เชื่อได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว โดยอีกไม่ช้ากระบวนการดังกล่าวอาจจะแล้วเสร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ...
  • ฮะดีซต่างๆ ในหนังสือกาฟียฺ สามารถอธิบายความอัลกุรอานได้หรือไม่?
    7733 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/07/16
    นักรายงานฮะดีซผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งคือ มุฮัมมัด บิน ยะอฺกูบ กุลัยนียฺ (รฮ.) เป็นหนึ่งในปราชญ์ผู้อาวุโสฝ่ายชีอะฮฺ และเป็นหนึ่งในนักรายงานฮะดีซที่เชื่อถือได้มากที่สุดของฝ่ายอิมามียะฮฺ ท่านอยู่ในยุคสมัยการเร้นกายระยะสั้นของท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) และยังเป็นผู้ประพันธ์หนังสือ อุซูลกาฟียฺ อันเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เอง จะเห็นว่ารายงานส่วนใหญ่ในหนังสือกาฟียฺล้วนเป็นที่เชื่อถือ แต่หนังสือกาฟียฺก็เหมือนกับหนังสือฮะดีซทั่วไปที่มีรายงานอ่อนแอ และไม่น่าเชื่อถืออยู่บ้าง ตามทัศนะของชีอะฮฺและอะฮฺลุซซุนนะฮฺ มีฮะดีซที่ถูกต้องจำนวนมากมายจากท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และอิมามผู้บริสุทธิ์ บันทึกอยู่ในหนังสือญะวามิอฺริวายะฮฺ ซึ่งฮะดีซจำนวนมากเหล่านั้นได้ตัฟซีรโองการอัลกุรอาน ซึ่งหนึ่งในฮะดีซทรงคุณค่าเหล่านั้นคือ หนังสือกาฟียฺ ...
  • อิมามโคมัยนีเชื่อว่าการร่ำไห้และการไว้อาลัยแด่อิมามฮุเซน(อ.)สามารถรักษาอิสลามให้คงอยู่ถึงปัจจุบันไช่หรือไม่? เพราะเหตุใด?
    8014 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/12/08
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น ปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • ข้อความละอ์นัตในซิยารัตอาชูรอครอบคลุมถึงบุตรชายยะซีดด้วยซึ่งเป็นคนดี แล้วจะถือว่าซิยารัตนี้น่าเชื่อถือได้อย่างไร?
    6962 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/21
    ในซิยารัตอาชูรอมีการละอ์นัตกลุ่มบนีอุมัยยะฮ์ซึ่งรวมถึงบุตรชายยะซีดด้วยในขณะที่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าบุตรชายของยะซีดและสมาชิกบนีอุมัยยะฮ์บางคนเป็นคนดีเนื่องจากเคยทำประโยชน์บางประการซึ่งย่อมไม่สมควรจะถูกละอ์นัตเพื่อชี้แจงข้อสงสัยดังกล่าวควรทราบว่าบนีอุมัยยะฮ์ในที่นี้หมายความเฉพาะผู้ที่มีความคิดเห็นสอดคล้องกันกับพวกเขาอันหมายถึงผู้กระทำผิดผู้วางเฉยผู้ปีติยินดี ... ฯลฯต่อการแย่งชิงสิทธิอันชอบธรรมของบรรดาอิมาม(อ.) ตลอดจนการสังหารท่านเหล่านั้นและสาวกหากคำนึงถึงประโยคก่อนและหลังท่อนดังกล่าวในซิยารัตอาชูรอก็จะเข้าใจจุดประสงค์ดังกล่าวได้ไม่ยากเนื่องจากบรรยากาศของซิยารัตบทนี้เต็มไปด้วยละอ์นัตและการสาปแช่งกลุ่มบุคคลที่ยึดครองตำแหน่งคิลาฟะฮ์และพยายามจะดับรัศมีของอัลลอฮ์โดยทำทุกวิถีทางเพื่อต่อกรกับอะฮ์ลุลบัยต์รวมไปถึงกลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนและพึงพอใจในพฤติกรรมของกลุ่มแรก ฉะนั้นในทางวิชาอุศู้ลแล้วเราถือว่าการยกเว้นบุคคลที่ดีออกจากนัยยะของคำว่าบนีอุมัยยะฮ์นั้นเป็นการยกเว้นประเภท “ตะค็อศศุศ” มิไช่ “ตัคศี้ศ” หมายความว่าคำว่าบนีอุมัยยะฮ์ไม่ครอบคลุมถึงบุคคลเหล่านี้ตั้งแต่แรกแล้วจึงไม่จำเป็นต้องยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ ...
  • ทิฐิที่ปรากฏในกุรอานมีความหมายอย่างไร? มีสาเหตุ ผลลัพธ์ และวิธีแก้อย่างไร? คนมีทิฐิมีคุณลักษณะอย่างไร?
    11925 จริยธรรมปฏิบัติ 2555/09/20
    การถืออคตินับเป็นอุปนิสัยที่น่ารังเกียจยิ่ง เราสามารถวิเคราะห์อุปนิสัยดังกล่าวจากหลายแง่มุมด้วยกัน ทั้งนี้ก็เนื่องจากมีผลร้ายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลร้ายเชิงปัจเจกหรือสังคม จิตใจและร่างกาย โลกนี้และโลกหน้า อิสลามได้ตีแผ่ถึงรากเหง้าและผลเสียของการถือทิฐิ ตลอดจนนำเสนอวิธีปรับปรุงตนเองเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้อย่างถี่ถ้วน ...
  • การเล่นนกพิราบในอิสลามมีกฎอย่างไรบ้าง, เพราะเหตุใด?
    7862 สิทธิและกฎหมาย 2555/01/23
    การกระทำดังกล่าวโดยตัวของมันแล้วไม่มีปัญหาทางชัรอียฺแต่อย่างใดแต่โดยปกติแล้วถ้าเป็นการกลั่นแกล้งคนอื่นหรือเพื่อนบ้านซึ่งในบางพื้นที่ประชาชนจะมองว่าเขาเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัวดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่าการกระทำเช่นนั้นมีปัญหา, ด้วยเหตุนี้มัรญิอฺตักลีดจึงได้มีทัศนะเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากกระทำนั้นไว้ดังนี้:สำนักฯพณฯท่านอายะตุลลอฮฺอัลอุซมาคอเมเนอียฺ (
  • เกี่ยวกับวิลายะฮฺที่มีเหนือมุอฺมิน ซึ่งอยู่ในอำนาจของอะอิมมะฮฺ, ท่านมีทัศนะอย่างไร?
    5730 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/01/23
    คำตอบของท่านอายะตุลลอฮฺ มะฮฺดี ฮาดะวี เตหะรานนี (ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครอง) มีรายละเอียดดังนี้ :บรรดาอิมามมะอฺซูม (อ.) มีวิลายะฮฺทั้งวิลายะฮฺตักวีนีและตัชรีอียฺเหนือบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย แต่การปฏิบัติวิลายะฮฺขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
    6427 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/10
    แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตบทนี้ก็คือหนังสือสองเล่มต่อไปนี้กามิลุซซิยารอตประพันธ์โดยญะฟัรบินมุฮัมมัดบินกุละวัยฮ์กุมี (เสียชีวิตฮ.ศ.348) และมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนของเชคฏูซี (ฮ.ศ.385-460) ตามหลักบางประการแล้วสายรายงานของอิบนิกูละวัยฮ์เชื่อถือได้แต่สำหรับสายรายงานที่ปรากฏในหนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนนั้นต้องเรียนว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนอซิยารัตนี้ผ่านสองสายรายงานซึ่งสันนิษฐานได้สามประการเกี่ยวกับผู้รายงานฮะดีษหนึ่ง:น่าเชื่อถือ
  • อัลกุรอาน บทนิซาอฺ โองการที่ 29 กล่าวว่า(... إِلاَّ أَن تَكُونَ تِجَارَةً عَن تَرَاضٍ مِّنكُمْ): ทำไมจึงกล่าวว่า تَرَاضٍ مِّنكُمْ ความพอใจในหมู่สูเจ้า เพราะเหตุใดไม่กล่าวว่า تراض بینکم ความพอใจระหว่างพวกเจ้า
    8520 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/05/17
    อัลกุรอาน กล่าวว่า »โอ้ บรรดาผู้มีศรัทธา! จงอย่ากินทรัพย์ของสูเจ้าในระหว่างสูเจ้ากันเองโดยทุจริต (ได้มาโดยวิธีต้องห้าม) นอกจากจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่สูเจ้ากันเอง[1]« โองการนี้เป็นหนึ่งบทบัญญัติของอิสลามที่ว่าด้วยเรื่อง การค้าขายแลกเปลี่ยนและธุรกรรมการเงิน ด้วยเหตุนี้ บทบัญญัติอิสลาม จึงได้ใช้โองการข้างต้นพิสูจน์ปัญหาเรื่องการค้าขาย ประโยคที่กล่าวว่า «إلَّا أَنْ تَكُونَ تِجارَةً عَنْ تَراضٍ» “นอกจากจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่สูเจ้ากันเอง” ในโองการข้างต้น, เป็นการละเว้นเด็ดขาดจากบทบัญญัติทั่วไปก่อนหน้านี้, ด้วยคำอธิบายว่า การหยิบจ่ายใช้สอยทรัพย์สินของคนอื่นแบบไม่ถูกต้อง (บาฏิล) หรือไม่ยุติธรรมและไม่เป็นที่พอใจของเขา หรือไม่ถูกต้องตามหลักการคำสอน, ถือว่าฮะรอมและบาฏิล เว้นเสียแต่ว่าจะได้มาโดยการทำการค้าขาย (การเป็นเจ้าของด้วยเงื่อนไขการกำหนดข้อตกลง) แต่สิ่งนั้นก็ยังต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย ที่ได้ตกลงทำการค้าขายกัน, ด้วยเหตุนี้ ธุรกรรมการเงินทั้งหมด และการค้าขายทุกประเภทต้องเกิดจากความพอใจทั้งสองฝ่ายแล้ว ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59724 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    57089 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41902 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38744 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38597 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33719 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27696 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27522 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27350 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25412 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...